8 อุปนิสัยที่ไม่ยอมให้คุณรวย
1.คุณเกลียดคนรวย
คุณอาจเคยได้ยินประโยคทำนองที่ว่า คนรวยเป็นคนเห็นแก่ตัว, คนรวยเป็นคนเลว, คนรวยขี้เหนียว, คนรวยไม่ดีอย่างนั้น-อย่างนี้ ฯลฯ
ซึ่งหากให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือ สมมติว่าคุณไม่ชอบหมาหรือแมว คุณก็จะไม่พยายามเข้าใกล้สัตว์เหล่านี้ และพยายามที่จะเขี่ยมันออกไปจากชีวิต เช่นเดียวกันกับการที่เกลียดคนรวย คุณก็จะไม่เข้าใกล้คนรวย ไม่สมาคมด้วย และคุณก็ยังพยามหนีห่างเรื่องรวย
หลายคนพยายามที่จะเอาคำว่า รวยกับจน ไปปนกับดีหรือเลว ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกันเลย เพราะไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็มีทั้งคนที่ดีและไม่ดี แต่หากอยากเอาทั้ง 4 คำนี้มาปนกัน คุณก็จะมีทางเลือกด้วยกันอยู่ 4 เส้นทางก็คือ
- เส้นทางที่ 1 – เลือกที่จะเป็นคนจนและคนเลว
- เส้นทางที่ 2 – เลือกที่จะเป็นคนจนแต่เป็นคนดี
- เส้นทางที่ 3 – เลือกที่จะเป็นคนรวยแต่เลว
- เส้นทางที่ 4 – เลือกที่จะเป็นคนรวยและดี
2.คิดว่าคนรวยนั้นเป็นคนที่เกิดมาแล้วพิเศษกว่าใคร ๆ
เมื่อคุณคิดว่าคนพิเศษเท่านั้นที่จะรวยได้ ซึ่งเมื่อคุณมองตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง คุณก็จะคิดเองเออเองไปว่า ชาตินี้คุณไม่มีทางได้อย่างแน่นอนต้องทำบุญเยอะ ๆ แล้วชาติหน้าค่อยว่ากันใหม่
ซึ่งเอาเข้าจริง คุณไม่ต้องรอถึงชาติหน้า เพราะคนที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอยู่ทุกวันนี้ หลายต่อหลายคนพวกเขาเริ่มต้นจากเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ซึ่งบางคนก็เริ่มต้นจากติดลบด้วยซ้ำ โดยจากสถิติมหาเศรษฐีทั่วโลกพบว่า กว่าร้อยละ 80 ของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีทั้งหมดบนโลกใบนี้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนธรรมดา ๆ ที่สร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตนเองแทบทั้งสิ้น
3.ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาที่มากพอ
หลายคนชอบติดกับดักกับประโยคที่ว่า “ทำไมคนที่เรียนจบสูง ๆ เป็นได้เพียงแค่ลูกน้อง แต่ในขณะที่คนเรียนไม่จบปริญญาตรี กลับได้เป็นคนใหญ่คนโต การศึกษาไม่เห็นช่วยอะไรเลย!”
ซึ่งหากคุณติดกับดักของประโยคนี้ คุณก็จะตัดสินไปเลยว่า การศึกษาหรือการหาความรู้ใส่ตัวนั้น ไม่มีประโยชน์ เรียนรู้ไปก็ไม่รวยอยู่ดี
แต่หารู้ไม่ว่า เหล่าบรรดามหาเศรษฐีที่พวกเขาลาออกจากมหา’ลัย แล้วไปมุ่งทำธุรกิจแทนนั้น พวกเขาไม่เคยที่จะคิดหยุดการเรียนรู้ เพียงแต่ในมหา’ลัยนั้นไม่มีองค์ความรู้ที่พวกเขาต้องการก็เท่านั้นเอง ซึ่งพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวของพวกเขาเอง หากไม่มีตำราก็ศึกษาจากการสอบถามคนที่เคยทำมันมาก่อนแล้วเรียนรู้จากการลงมือทำ ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง
หากลองย้อนสำรวจตัวคุณง่าย ๆ เลยว่า วีดีโอ 20 วีดีโอล่าสุดที่คุณดูบน Youtube นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร คุณก็จะเป็นคนแบบนั้น
4.คุณเป็นคนที่นอยส์ได้ง่ายมาก
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครพูดอะไรออกมาในเรื่องที่คุณไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์ คุณก็จะเริ่มรู้สึกไม่ดี รู้สึกแย่ทุกครั้งที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นแฟนพูดก็นอยส์, พ่อแม่พูดก็นอยส์, เพื่อน,คุณครู,เพื่อนร่วม,หัวหน้า,ลูกค้า หรือใครๆพูดก็นอยส์ ไปซะหมด
ซึ่งคุณรู้ดีว่า ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่หากคุณเอาเวลาส่วนใหญ่ไปมัวนอยส์กับคำพูดของคนอื่น ๆ แล้วล่ะก็ รับประกันได้เลยว่า 24 ชั่วโมงของคุณนั้น จะหมดไปอย่างรวดเร็ว แถมอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ มันส่งผลให้คุณนอยส์แบบข้ามวันข้ามคืน โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยแม้แต่น้อย พอรู้ตัวอีกทีชีวิตยังย่ำอยู่กับที่หรือแย่ยิ่งเก่าซะอีก
5.คุณกังวลมากเกินไปว่าคนอื่นจะคิดกับคุณยังไง
ซึ่งหากคุณเคยได้ยินเรื่องของชายแก่ เด็กชาย และลาของเขา ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีคนคิดเรื่องที่ไม่ดีกับคุณได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็น
- เด็กชายเดินจูงลาโดยชายแก่นั่งอยู่บนหลังลา แล้วมีคนพูด “ทรมานเด็กชัด ๆ แทนที่จะให้เด็กนั่งบนหลังลา”
- ทีนี้ชายแก่จึงลงเดินจูงลาที่มีเด็กชายนั่งอยู่บนหลังลาบ้าง ก็มีคนพูด “ทรมานคนแก่ชัด ๆ แทนที่จะให้ชายแก่คนนั้นนั่งบนหลังลา”
- ทีนี้ชายแก่จึงขึ้นหลังลาพร้อมกับเด็กชาย แล้วก็มีคนพูด “น่าสงสารลาชะมัด ต้องแบกรับน้ำหนักทั้งชายแก่และเด็กชายไปพร้อม ๆ กัน”
- จนกระทั่งทั้งชายแก่และเด็กชายจึงลงเดินจูงลาทั้งคู่ แล้วมีคนพูดว่า “ชายแก่กับเด็กชายคู่นั้น โง่ชะมัด มีลามาด้วยแท้ ๆ แต่กลับไม่ขึ้นขี่เพื่อทุ่นแรง”
ซึ่งจากนิทานเรื่องนี้คุณจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ย่อมมีคนที่คิดไม่ดีกับคุณอยู่วันยังค่ำ และหากคุณให้ค่ากับคนเหล่านั้น นอกจากพวกเขาจะสะใจแล้ว มันยังกลับทำให้จิตใจของคุณห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิมซะอีก
6.คิดเกี่ยวกับคนที่ใช่ คนที่ชอบ คนที่รักคุณน้อยเกินไป
สมมติคุณทำวีดีโอหรือโพสต์อะไรสักอย่างลงบน Social Media แล้วปรากฏว่า มีคนคอมเม้นท์ชอบคุณอยู่ 9 คน แต่กลับมีคอมเม้นท์ด่าคุณ 1 คอมเม้นท์ ซึ่งหากให้คุณให้ค่ากับ 1 คอมเม้นท์ที่ด่าคุณมากเกินไป มันจะทำให้คุณหลงลืมและละเลยกับอีก 9 คนที่ชอบคุณ รักคุณ ให้กำลังใจคุณ จะดีกว่าไหมที่เอาเวลาไปใส่ใจกับอีก 9 คนที่เหลือจะดีกว่า เพราะต่อให้คุณใส่ใจกับคนที่ด่าคุณ 1 คนเท่าไหร่ก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะที่อีก 9 นั้นที่ชื่นชอบคุณนั้น จะนำพาแต่สิ่งดี ๆ มาให้แก่คุณอย่างมากมาย
7.คุณเป็นนักกล่าวโทษและหาข้ออ้าง
ใครก็ตามที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต คน ๆ นั้นสามารถโทษทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้หมด เช่น ฉันเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้รวย, ใช่สิฉันไม่เก่งเหมือนเธอ, นี่ถ้าฉันมีเงินมากกว่านี้ฉันก็คงทำได้ไปแล้ว, ฉันป่วย ฉันเจ็บ หมาป่วย แม่ไม่สบาย ฝนตกฟ้าคะนอง เศรษฐกิจไม่ดี บลา ๆ ๆ ๆ
หรือที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บางคนไม่เคยคิดที่จะโทษตัวเองเลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้ เมื่อไม่กล่าวโทษตัวเอง คุณก็จะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นผิดและก็ไม่เห็นความสำคัญในการพัฒนาตนเองให้มันดีขึ้น เพราะมัวแต่ไปกล่าวโทษคนอื่น ก็เลยคิดว่าตัวเองนั้นดีพออยู่แล้ว ไม่ต้องปรับปรุงอะไร ดังนั้นจงเลิกนิสัยที่ขัดขวางการร่ำรวยของคุณซะตอนนี้เลย
8.คุณมีทัศนคติเชิงลบมองโลกในแง่ร้าย
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครบนโลกสามารถเปลี่ยนมันได้นอกจากตัวคุณเอง เพราะทัศนคติหรือวิธีการที่คุณมองโลกใบนี้ ตัวคุณเป็นคนกำหนดเอง หากคุณมองโลกในแง่ร้าย ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ดีเกิดขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม หรือมีโอกาสที่ดีมากแค่ไหนก็ตาม คุณก็จะมองไม่เห็นโอกาสหรือคุณค่ามันเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะที่คนที่มีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่ดี ขอเพียงเห็นเศษเสี้ยวของโอกาส พวกเขาก็สามารถใช้มันทำให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาล
ซึ่งหากคุณยังมีอุปนิสัยอย่างนี้อยู่ มันยากเหลือเกินที่คุณจะร่ำรวยและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ และนี่ก็คือคำแนะนำจาก Patrick Bet-David ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน
เรียบเรียง เทพบวร มะกุล
ที่มา https://www.friendstrader.in.th/